เปิดโปงความเสื่อมขององค์กรอิสระ สำนักงานอัยการสูงสุด ผิดวิสัยทัศน์ “ให้ความยุติธรรมและเชื่อมั่นต่อปชช. “
เปิดโปงความเสื่อมขององค์กรอิสระ สำนักงานอัยการสูงสุด ผิดวิสัยทัศน์ “ให้ความยุติธรรมและเชื่อมั่นต่อปชช. ”
กรณีที่ราษฎรอำเภอเชียงของ จังหวัด เชียงราย ชื่อ นาย เกียรติศักดิ์ ได้ถูกปลัดอำเภอ ชื่อ นาย กัมพล จันมะยม ขณะดำรงตำแหน่งเป็นปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ. เชียงของ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยราชการตำรวจ ทหาร บุกเข้าจับกุม ในข้อหาบุกรุกแพ้วถางป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่โขงฝั่งขวา
โดยอ้างว่าได้รับแจ้งจากสายลับให้มาจับนาย เกียรติศักดิ์ ขณะดำเนินการนำรถแมคโคร เข้าแพ้วถางป่าในเขตพืนที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวนสามงาน หรือ 300 วา เพื่อจัดสร้างรีสอร์ท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2556
โดยนาย เกียรติศักดิ์ ได้ต่อสู้คดี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตัวเองได้ครอบครองทำกินมานานปี โดยปลูกบ้านพักมีบ้านเลขที่ เช่นเดียวกับสภาพที่ดินของราษฎรบริเวณนั้นและบริเวณอื่นๆในจังหวัดเชียงราย โดยมีการเดินสำรวจเตรียมการออกเป็นสปก.ให้กับราษฎร ในเขตนั้นๆแล้ว
ขณะเกิดเหตุสภาพที่ดินทางขึ้นมีการทรุดตัว ชำรุดเสียหาย นาย เกียรติศักดิ์ จึงจ้างรถแบ๊คโฮมาช่วยปรับพื้นที่ เนื่องจากเข้าใจว่าพื้นที่ดังกล่าวนี้ตัวเองครอบครองอยู่ในเขตที่สปก.เตรียมการออกเอกสารสิทธิให้อยู่แล้ว
แต่ข้าราชการกลุ่มนี้ไม่รับฟัง นาย เกียรติศักดิ์ จึงถูกรุมกินโต๊ะ เพราะบังอาจอัดวิดีโอขณะถูกจับกุมพร้อมตั้งคำถามว่า ” ที่บุกป่าสงวนจริงๆทำไมไม่ไปจับ”
การบุกจับนี้ ไม่มีหมายค้น หรือ หมายจับ โดยนาย กัมพล จันมะยม กล่าวว่า เป็นการจับฃึ่งหน้า โดยไม่พบผู้กระทำผิดขณะเข้าตรวจค้น พบแต่ต้นไม้ถูกล้มไป 1 ต้น พื้นที่ถูกกำจัดวัชชพืชออกเตียนเรียบจึงสอบถามเจ้าของบ้านคือภรรยานาย เกียรติศักดิ์ ฃึ่งเรียกนาย เกียรติศักดิ์กลับมาบ้านและพบเหตุการณ์ดังกล่าว
การบุกจับนี้นาย กัมพล ไม่ทราบว่าที่ดินที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ แต่กลับแจ้งจับนาย เกียรติศักดิ์ ฃึ่งแสดงหลักฐานการครอบครองที่ดินเป็นที่ดินเขตสปก. ฃึ่งยื่นขออนุญาตไว้
โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในเขตที่เรียกว่าโซนอี คือ เป็นเขตป่าเศรษฐกิจ จำนวน 6550 ไร่ ในเขตพื้นที่ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัด เชียงราย ฃึ่งกันออกจากเขตป่าสงวน พื้นที่ป่าไม้โขงฝั่งขวา ตามคำเสนอของคณะกรรมการปฎิรูปที่ดิน และ คณะรัฐมนตรีได้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลริมโขง ตำบล เวียง และ ตำบลสถาน อำเภอเชียงของ จังหวัด เชียงราย ให้เป็นเขตปฎิรูปที่ดิน พ.ศ 2537 และ ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่ม111 ตอนที่9ก ลงวันที่ 23 มีนาคม2537แล้ว
และพื้นที่เกิดเหตุนี้อยู่ในเขตที่ดิน6550 ไร่ ดังกล่าว อันถือเป็นเขตปฎิรูปที่ดินที่รอการตรวจสอบสิทธิของปชช.ได้ครอบครองทำกิน เพื่อสปก.จะได้ออกเอกสารอนุญาตให้ผู้ครอบครอง ต่อไป
โดยคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจะต้องนำพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ส่งให้กรมป่าไม้ รับทราบดำเนินการตัดที่ดิน 6550 ไร่ ออกจากที่ดินเขตป่าสงวน พื้นที่ป่าไม้โขงฝั่งขวา ฃึ่งข้าราชการในพื้นที่ต้องรับทราบ รับปฎิบัติ จะไม่รู้ ไม่ทราบย่อมเป็นไปไม่ได้
ทำให้นาย เกียรติศักดิ์ ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดขณะนั้น
แต่ได้รับเพียงจดหมายตอบกลับมาว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่
นอกจากนี้ นายเกียรติศักดิ์ ยังได้ไปยื่นขอความเป็นธรรมจากอธิบดีภาค 5 ฃึ่งได้เรียกสำนวนคดีมาดูเรื่องราว แต่ปรากฎว่า ขณะที่อธิบดีภาค5 เดินทางไปต่างปท อัยการจังหวัดคนใหม่ฃึ่งเพิ่งรับตำแหน่งได้ 5วัน และอัยการเจ้าของสำนวนคดี ชื่อ นาง ปฐมาภรณ์ ก้านขุนทด ได้เร่งลงนามสั่งฟ้องนาย เกียรติศักดิ์
โดยคำร้องทุกข์ของนาย เกียรติศักดิ์ ที่มีถึง อัยการสูงสุด ก็ดี อธิบดีภาค5 สมัยนั้นก็ดี ปัจจุบันยังไม่ทราบผลการร้องทุกข์แต่อย่างใด แต่นาย เกียรติศักดิ์ ถูกศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ตัดสินให้จำคุกไปแล้ว
ย่อมแสดงได้ว่า การร้องทุกข์ของปชช.ที่มีถึงสำนักงานอัยการไม่มีประโยชน์สมกับวิสัยทัศน์ที่ได้แสดงไว้คือ “องค์กรอัยการมีความเป็นเลิศในการยุติธรรมและเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน”
อย่างไรก็ดี คดีนี้มีพิรุธทางคดีหลายจุด วีคลี่นิวส์จะได้นำมาเปิดเผยต่อไป
ใส่ความเห็น