เรียกร้องศาลตรวจจริยธรรมผู้พิพากษาให้หนักหลัง ธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ ถูกชี้มูลทุจริตและปมชู้สาว ต่อเนื่องมาถึงรับตำแหน่งในกกต.

เป็นที่น่าตกใจของสังคมเมื่อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติชี้มูลความผิด นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลัง ถูกสภาพัฒนาการเมืองร้องเรียนว่ากระทำการใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ และมีพฤติกรรมชู้สาวที่เข้าข่ายขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรงในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อเนื่องจนดำรงตำแหน่ง กกต. และได้ส่งมติดังกล่าวต่อประธาน กกต.เพื่อดำเนินการ ต่อไปแล้ว

ทั้งนี้ หนังสือแจ้งมติ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ส่งถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง ระบุความเห็นว่า นายธีรวัฒน์ มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดจริยธรรม ตามคำร้องของประธานสภาพัฒนาการเมือง และให้ประธานกกต.ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานดำเนินการตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ กกต. กกต.จังหวัด และพนักงาน กกต. พ.ศ. 2551

จากกรณีนี้ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตุจากผลการสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ว่านาย ธีรวัฒน์ มีพฤติกรรมขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรงมาตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อเนื่องจนมาดำรงตำแหน่ง กกต. แต่คณะกรรมการตุลาการ หรือ กต. อาจไม่ทราบเรื่อง หรือไม่มีผู้ใดร้องเรียน หรือ อาจสอบแล้วไม่พบความผิด ทำให้สะท้อนปัญหาในองค์กรศาลได้ว่าจริยธรรมกำลังเสื่อมถอยอย่างหนัก ฃึ่งระยะนี้มีข่าวผู้พิพากษาทำผิดจริยธรรมมากมายแต่ผลสอบกว่าจะออกมาลงโทษใช้เวลานานมากกว่าจะประกาศผลและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาให้ผู้คนรับรู้

โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตของผู้พิพากษาฃึ่งเมื่อมีการประกาศไล่ออกแล้ว จะต้องมีการดำเนินการตามมาตรา 157 และ ปปง จะต้องติดตามยึดทรัพย์ที่ทุจริตนั้นกลับเข้ารัฐ

แต่กลับไม่มีข่าวในเรื่องนี้ ทั้งที่กต.ได้ดำเนินการไล่ออกมาแล้วหลายคนอาทิ คดีทุจริต70ล้าน ฃึ่งก่อนหน้ามีการตั้งเจตนากันในกลุ่มผู้พิพากษาศาลฎีกาว่าหากผู้พิพากษาคนใดทำการทุจริตจะต้องถูกลงโทษในคดีอาญามาตรา157และต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย เพื่อมิให้ไปเสวยสุขกับเงินที่ทุจริตมา

แต่ปรากฎว่า เผอิญผู้พิพากษาเหล่านั้นมีรุ่น ทำให้ความตั้งใจของศาลฎีการุ่นก่อนๆไม่เป็นผล ฃึ่งปัจจุบันไม่เป็นข่าวว่ารุ่นนั้นหมดสิ้นไปหรือยัง

ศาลจึงควรตรวจเข้มจริยธรรมของผู้พิพากษาทั้งหมดให้จงหนัก เนื่องจากมีข่าวทุจริตในวงการศาลออกมาอยู่เสมอๆ และสังคมควรช่วยกันตรวจสอบพฤติกรรมของผู้พิพากษาเช่นกัน เนื่องจากผู้พิพากษาคือผู้สถิตความยุติธรรมให้กับสังคม

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินชี้มูลความผิดมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ อดีตผู้พิพากษาและกกต.ปัจจุบันท่านนี้จึงทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรทั้งสองต้องเสียหายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

โดยเฉพาะกกต.ฃึ่งจำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีในการดำรงตนในเรื่องของจริยธรรมอย่างสูงโดยนาย ธีรวัฒน์ ก่อนจะมาดำรงตำแหน่งกกต. ได้ถูกคัดสรรจากที่ประชุมศาลฎีกามาก่อนแล้วว่ามีความพร้อม จึงส่งชื่อให้วุฒิสภาตรวจสอบ ก่อนเห็นชอบเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นอย่างดีแล้ว แต่ไม่อาจปิดบังความจริงที่เกิดขึ้นได้ สมกับคำที่ว่า ความลับไม่มีในโลก

อย่างไรก็ตาม นายธีรวัฒน์ ยังเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้กับสื่อ แต่บอกว่าพร้อมเมื่อไรจะเขียนลงในเฟฃบุ้คของตนเองให้ทราบ