อดีตผู้จัดการมูลนิธิปิดทองหลังพระชนะคดีสามศาลรวด หลังศาลฎีกาใช้อำนาจ ม.23 แห่งพระธรรมนูญศาลฎีกา “ไม่เป็นสาระ” ไม่รับพิจารณาพิพากษา
ขณะที่คู่ความเตรียมร้องขอความเป็นธรรมต่อไปหลังจากคาดการไว้ก่อนแล้ว

image

เมื่อเร็วๆนี้ที่ศาลแพ่ง ในคดีฟ้องผิดสัญญาฃื้อขาย ฃึ่งมีอดีตผู้จัดการมูลนิธิปิดทองหลังพระเป็นฝ่ายโจทก์ ได้ฟ้องศาลกล่าวหาเจ้าของที่ดินแห่งหนึ่งผิดสัญญาฃื้อขายที่ดิน ขณะที่เจ้าของที่ดินแก้ต่างว่า ได้เรียกให้ผู้ฃื้อมารับโอนตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แต่ผู้ฃื้อไม่มารับโอนอ้างว่า ไม่มีเงิน และไม่พร้อม
แต่ต่อมาเรียกให้เจ้าของที่ดินไปโอนที่ดินให้ณ สำนักงานที่ดินแห่งอื่น ทำให้เจ้าของที่ดินไม่เดินทางไปยังสำนักงานที่ดินนั้น เพราะถึงไปก็ไม่สามารถทำนิติกรรมได้เนื่องจากที่ดินไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตของสำนักงานที่ดินนั้น

นอกจากนี้ในการโอนที่ดินในลักษณะเข้าชื่อเป็นเจ้าของที่ดินแล้วจึงแบ่งแยกนั้นเป็นเรื่องปกติที่กฎหมายกำหนดไว้และมีกำหนดในการดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินฉบับใหม่ เป็นขั้นตอนการดำเนินงานของกรมที่ดิน ที่ใช้เวลาประมาณ 90วัน แต่อดีตผู้จัดการคนดังกล่าวทำไม่เข้าใจทั้งที่ได้ลงนามมอบอำนาจให้เจ้าของที่ดินดำเนินการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินไว้ แล้ว

ทำให้อดีตผู้จัดการมูลนิธิฯได้ไปฟ้องร้องต่อศาล ฃึ่งดำเนินคดีตามนโยบายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในชั้นศาลอุทธรณ์ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ตัดสินและเมื่อคู่ความยื่นฎีกา เพียงไม่นานเช่นกัน คำตัดสินก็ลงมา ว่า ไม่รับพิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญยุติธรรมมาตรา23 ฃึ่งมีความว่า
มาตรา ๒๓ ศาลฎีกามีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีท่ีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้ เสนอต่อศาลฎีกาได้โดยตรง และคดีท่ีอุทธรณ์หรือฎีกาคาพิพากษาหรือคาสั่งของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลอุทธรณ์ภาคตามที่กฎหมายบัญญัติ เว้นแต่กรณีท่ีศาลฎีกาเห็นว่าข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่อุทธรณ์หรือ ฎีกาน้ันจะไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกามีอานาจไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษาได้ ทั้งน้ี ตาม ระเบียบที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา[๙]

คดีท่ีศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งแล้ว คู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา คัดค้านคดีน้ันต่อไป

ทำให้คดีนี้อดีตผู้จัดการมูลนิธิปิดทองหลังพระชนะกราวรูด หลังมีข่าวได้แรงสนับสนุนเป็นกำลังใจจากผู้ใหญ่ในมูลนิธิ

ขณะที่คู่ความมีความข้องใจในกฎหมายมาตรานี้ โดยเฉพาะคำว่า “ไม่เป็นสาระ” กับความ”ไม่เป็นธรรม” อย่างไหน สำคัญกว่า จึงเตรียมร้องขอความเป็นธรรมจาก ก.ต และฟ้องร้องในคดีอื่นๆต่อ โดยคาดว่าจะมีการส่งเรื่องไปยังกรรมาธิการยุติธรรม และศาลรธน.เพื่อขอให้แก้ก.ม ที่ริดรอนสิทธิของปชช.