สัจจะ
​พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านสั่งสอนบ่อยครั้งในเรื่องการระวังคำพูด ให้สำรวมและระวัง อย่าพูดโกหก ให้พูดแต่คำสัตย์ คำจริง และพูดให้เกิดประโยชน์
​ข้อนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่เราทุกคนต้องระวังรักษา อย่าประมาท อย่าขาดสติ พูดจริง ทำจริง ไม่พูดโดยไม่รับผิดชอบ ไม่ทำโดยไม่รับผิดชอบ ผิดคือผิด ถูกคือถูก รู้จักใช้คำว่า ขอบคุณ ขออภัย ขอโทษ รู้จักเตือนตนด้วยตนเอง รู้จักฟังเสียงผู้อื่น การอยู่ในสังคมวางตนให้เหมาะสม

ดังคำกล่าวที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” คำกล่าวนี้ยังไม่ล้าสมัย ความซื่อสัตย์ ความซื่อตรงเป็นสิ่งที่ต้องการของปวงชน ความไม่ซื่อสัตย์ คดโกง คดในข้องอในกระดูก การหลอกลวงไปได้ไม่นาน ไปได้ไม่ไกล

เราทั้งหลายมุ่งหวังความสุขและความเจริญ มุ่งหวังความสุขและความสำเร็จ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาคุณธรรมข้อนี้ไว้แก่ตน อย่าให้พลาด อย่าให้ขาด อย่าให้มัวหมอง

หมดศรัทธา เมื่อพบกับคนโกหกหลอกลวง

เลื่อมใสศรัทธา เมื่อพบกับคนซื่อสัตย์ พูดจริง ทำจริง

คุณธรรมข้อนี้ ควรยิ่งที่จะน้อมเข้ามาใส่ตน การทำกิจการงานใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า กรรมกร ผู้บริหาร หรือผู้นำจำเป็นยิ่งที่จะต้องพูดจริงทำจริง ท่านเหล่านั้นก็จะได้รับการไว้วางใจ การยอมรับและนับถือ หรือแม้แต่ในครอบครัว หากซื่อตรงต่อกันแล้ว สามีภรรยาก็ไว้วางใจกันได้ ครอบครัวก็มีความอบอุ่น แต่หากไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ความร้าวราน ความแตกแยก ความทุกข์ ก็จะมีขึ้นในที่สุด

อย่างไรก็ตาม รู้ทั้งรู้ แต่บางท่านก็ผิดพลาด ด้วยความที่ห้ามใจไม่อยู่ ประมาท ขาดสติ เพื่อให้คุณธรรมดังกล่าวได้รับการพัฒนาดีขึ้นแก่ตน จึงต้องมาปรับปรุงที่ต้นเหตุ คือ ใจ เมื่อเราฝึกใจของเราด้วยการเพิ่มกำลังให้แก่ตน ด้วยวิธีง่าย ๆ คือการทำสมาธิ ใจก็จะได้สร้างและสะสมพลังใจมากขึ้น และมากขึ้น ที่สุดหลักธรรมต่าง ๆ ก็จะได้รับการพัฒนาขึ้นแก่ตน ไม่เป็นการยาก ไม่เป็นการลำบากเลย ด้วยว่าใจมีกำลังที่จะเตือนตนด้วยตนเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนและสังคมที่ใกล้ชิด

ขอให้ท่านทั้งหลายได้ประสบความสุขและความสำเร็จ
​​​​​​​รังสรรค์ อินทร์จันทร์
​​​​​​ที่ปรึกษา งานพัฒนาบุคคลสู่ความเป็นเลิศ
​​​​​​​ 22/02/2559