บังคับคดีเชียงรายอ้างปฎิบัติตามคำสั่งศาล ยึดที่ดินคุณตาวัย75ปี ช๊อคดับเหตุมาจากเรื่อง”คุ้มนายพลรีสอร์ต” ดอยแม่สลอง เชียงราย ขณะก่อนหน้ารับต้องปิดคดีไว้ก่อนเนื่องจากสปก.อ้างสิทธิที่ดินพิพาทที่ศาลสั่งคืนนั้นเป็นที่ดินของสปก.
บังคับคดีเชียงรายอ้างปฎิบัติตามคำสั่งศาล ยึดที่ดินคุณตาวัย75ปี ช๊อคดับเหตุมาจากเรื่อง”คุ้มนายพลรีสอร์ต” ดอยแม่สลอง เชียงราย ขณะก่อนหน้ารับต้องปิดคดีไว้ก่อนเนื่องจากสปก.อ้างสิทธิที่ดินพิพาทที่ศาลสั่งคืนนั้นเป็นที่ดินของสปก.
ตามที่วีคลี่นิวส์ได้เสนอข่าวการเสียชีวิตของพ.ต.ท พงษ์ชัย วราชิต วัย75 ปี อดีตสนช.ชื่อดัง ฃึ่งได้ช่วยเหลือนาย อ. ยามลำบากด้วยการจ่ายเงินกว่าสามล้านเมื่อปี2539 แลกกับกิจการโรงแรมและร้านอาหาร”คุ้มนายพลรีสอร์ต”ที่มีสภาพเก่า ให้ได้มีเงินไปชำระหนี้ธนาคารและรักษาตัว ผ่านมาสิบปี นาย อ. ได้ไปฟ้องศาลจังหวัดเชียงราย กล่าวหา พ.ต.ท พงษ์ชัย ผิดสัญญา ที่ทำต่อกันไว้ และศาลอุทธรณ์ภาค5 ได้ตัดสินเป็นคดีสิ้นสุดเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1833|2554 ให้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ ด้วยเหตุว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่นาย อ. ได้รับอนุญาตให้ครอบครองอยู่อาศัยทำกินด้านเกษตร เป็นการชั่วคราว และมีข้อกำหนดห้ามโอนสิทธิที่ได้รับอนุญาตให้แก่บุคคลอื่น เมื่อนาย อ. ฝ่าฝืนข้อห้ามของกฎหมายที่อนุญาตไว้ดังกล่าวและทำสัญญาโอนขายสิทธิการครอบครองบนที่ดินพิพาทที่ได้รับอนุญาตมาให้พ.ต.ท พงษ์ชัย จึงเป็นการทำสัญญาที่เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งสัญญาจึงเป็นโมฆะ มีผลเสียเปล่าไม่มีผลตามกฎหมายมาแต่แรก นาย อ. จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ผ่านมาหรือค่าเสียหายในอนาคตจากจำเลยได้ ส่วนทรัพย์สินที่แต่ละฝ่ายได้รับไปต้องคืนให้แก่กันโดยให้บังคับตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องลาภมิควรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 วรรคสอง ฃึ่งทั้งนายอ.และพ.ต.ท พงษ์ชัย ชอบที่จะไปดำเนินการต่างหากต่อไป
นาย อ. จึงได้นำความไปฟ้องศาลจังหวัดเชียงรายเป็นคดีดำเลขที่ 1223|2555 กล่าวหาพ.ต.ท พงษ์ชัย และครั้งนี้พ่วงฟ้องนาง ณรีพัฒน์ สวัสดิเสวี ฃึ่งพ.ต.ท พงษ์ชัย ส่งมอบสิทธิครอบครองต่อให้มาดำเนินกิจการโรงแรมคุ้มนายพล รีสอร์ต ตั้งแต่ปี2546 ด้วยในฐานความผิดเรื่อง ละเมิด ลาภมิควรได้ ด้วย
โดยศาลได้ตัดสินยกฟ้องเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1141|2556 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม2556 เนื่องจาก นาย อ. ขณะฟ้องนั้นเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่มีอำนาจมาฟ้องเกี่ยวกับทรัพย์สินของตน
ทำให้พ.ต.ท พงษ์ชัย ก็ไม่สามารถเรียกร้องเงินคืนจากนาย อ. ขณะนั้นได้ จึงยังคงครอบครองที่ดินและทรัพย์สินพิพาท รอให้นาย อ. นำเงินมาชำระคืน แต่นาย อ. ไม่มาชำระกลับนำความไปฟ้องศาล ในคดีความผิดเดิม อีกครั้ง หลังจากที่ตนเองพ้นการล้มละลายแล้ว
การต่อสู้คดีมีถึงสามชั้นศาล (ต่อไปวีคลี่นิวส์จะนำคำพิพากษาสามศาลมาวิเคราะห์ ในข้อกฎหมายสัมพันธ์กับคำตัดสิน เพื่อยื่นเสนอต่อประธานศาลฎีกา คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม สำนักงานเนติฯ กรรมาธิการฝ่ายก.ม สภา มหาวิทยาลัยต่างๆฯลฯ )
ที่สุดคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินเป็นคดีเลขที่ 3195|2563 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563
ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียประโยชน์ และให้คืนที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมดตามที่โจทก์ร้องขอ
(ที่ดินเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ โจทก์ได้สิทธิครอบครองและขายรับเงินจากจำเลยไปนานกว่า 10 ปี จำเลยที่2 เข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทมานานกว่า20ปี ต่อมาที่ดินพิพาทถูกประกาศเป็นเขตปฎิรูปที่ดินมาตั้งแต่ปี37 เจ้าพนง.ปฎิรูปที่ดินออกเดินสำรวจให้ผู้ทำกินชี้แนวรังวัด โดยมีจำเลยที่2 นำชี้รังวัดเป็นผู้ร้องขอทำกินในปี2555 )
ทำให้โจทก์ยื่นคำร้องขอบังคับคดีตามศาลพิพากษา และศาลมีคำสั่งออกหมายบังคับคดีให้ แต่ก่อนหน้านั้นจำเลยที่2 ได้ร้องขอความเป็นธรรมจาก ผู้อำนวยการบังคับคดีจังหวัดเชียงราย เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของสปก. ไม่ใช่ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ฃึ่งการไปยึดที่ดินและทรัพย์สินอาจกระทบสิทธิของสปก.ได้
โดยผู้อำนวยการบังคับคดี ได้เปิดเผยขั้นตอนว่า หากบังคับคดีได้ทราบเรื่องนี้จากสำนักงานปฎิรูปที่ดิน ก็จะต้องรอให้ศาลตัดสินให้เรียบร้อยก่อนจึงไปนำยึด
ปรากฎว่าผู้อำนวยการบังคับคดีทราบเรื่องและได้รับสำเนาหนังสือของสำนักงานปฎิรูปที่ดินจากนาง ณรีพัฒน์ ก่อนหน้านานแล้ว แต่กลับลงนามในเอกสารสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกไปติดหมายและดำเนินขบวนการปฎิบัติตามคำสั่งศาลอย่างรีบเร่ง ก่อนหน้าที่หนังสือจากสำนักงานปฎิรูปเชียงรายฉบับจริงจะมาถึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่ก่อนหน้ายืนยันว่า สำนักงานบังคับคดีจะยังไม่ดำเนินการและปิดแฟ้มคดีไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีการพิจารณาสิทธิที่ดินพิพาทที่ศาลสั่งคืนนั้นเป็นที่ดินของสปก. ให้ เรียบร้อยก่อน
เมื่อถูกสอบถามเหตุดังกล่าวที่เปลื่ยนไปของ ผู้อำนวยการบังคับคดี อ้างว่า ตนทำตามกฎหมาย
และต่อมาสำนักงานบังคับคดีเชียงรายได้มีหนังสือส่งไปยังพ.ต.ท พงษ์ชัย เพื่อขอให้ส่งมอบโฉนดที่ดินแปลงอื่นที่อยู่ในอำเภอเชียงแสนมีพ.ต.ท พงษ์ ชัย เป็นเจ้าของ เพื่อนำมาชดใช้ค่าเสียประโยชน์ ให้โจทก์ ทำให้พ.ต.ท พงษ์ชัย เมื่อได้รับหนังสือจึงเกิดความเครียด คิดมาก กับสิ่งที่ตนได้รับ เพื่อช่วยเพื่อนที่กำลังลำบากเมื่อปี39 กว่าสามล้านแล้วเพื่อนไม่จ่ายเงินคืนกลับมาฟ้องเรียกทรัพย์คืนแล้วยังให้ต้องจ่ายค่าเสียประโยชน์อีก
จึงเกิดความเครียดเสียชีวิตในตอนตีสามในวันนั้นทันที
ใส่ความเห็น