กอ.รมนร่วมสปก.เชียงรายเล่นปาหี่ บุกดอยแม่สลองตรวจสอบโรงแรมบุกรุกที่หลวงทั้งที่รู้มานานแต่ไม่ดำเนินการหยุดยั้งปชช.วอนรัฐอย่าทำผิดให้เป็นถูกมิฉะนั้นการบุกรุกแผ้วถางป่าจะไม่จบเชื่อคำสั่งคสช.ที่6|2562 เปิดช่องโหว่ให้มีการทำผิดเพิ่มมากขึ้น
กอ.รมนร่วมสปก.เชียงรายเล่นปาหี่ บุกดอยแม่สลองตรวจสอบโรงแรมบุกรุกที่หลวงทั้งที่รู้มานานแต่ไม่ดำเนินการหยุดยั้งปชช.วอนรัฐอย่าทำผิดให้เป็นถูกมิฉะนั้นการบุกรุกแผ้วถางป่าจะไม่จบเชื่อคำสั่งคสช.ที่6|2562 เปิดช่องโหว่ให้มีการทำผิดเพิ่มมากขึ้น
สืบเนื่องจากมีการก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่จำนวนมากบนดอยแม่สลองจังหวัดเชียงรายตามข่าวที่เสนอไปแล้วเป็นลำดับนั้น
เมื่อวันที่23 ม.ค63 เวลา13.00 น. กอ.รมน.ร่วมสปก. เชียงรายและสนง.จัดการทรัพยากรป่าไม้ที่2 เล่นปาหี่ขนขบวนขึ้นไปดอยแม่สลองเข้าพบกำนันทวีฃึ่งเป็นคนต่างด้าวแปลงสัญชาติเป็นไทย (ได้อย่างไรต้องถามกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย) เพื่อสอบถามและตรวจสอบหยุดยั้งการทำลายป่าการบุกรุกที่ดินรัฐและรักษาทรัพยากรธรรมชาติของหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ณบ้านสันติคีรีหมู่1 ต.แม่สลองนอกอ.แม่ฟ้าหลวงโดยผลการปฎิบัติเป็นไปตามคาดคือ
สปก.จว.ช.ร. ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการว่าห้ามดำเนินการสร้างอาคารในรูปแบบของรีสอร์ทเนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของสปก.จว.ช.ร. แต่สำหรับผู้ประกอบการที่สร้างในรูปแบบของโฮมสเตย์เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สปก.จว.ช.ร. จะนำเรื่องเข้าประชุมเพื่อดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ต่อไป
– เรื่องทั่วไปปกติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ข้าราชการทั้งหมดเหล่านี้ต่างละเลยต่อหน้าที่มาโดยตลอดเนื่องจากมีการเข้าพื้นที่มาหลายครั้งหลายหนแต่เลือกปฎิบัติจับเฉพาะบางรายเช่นโรงแรมภูเมฆตะวันรีสอร์ทถึงสองครั้งแต่ไม่ได้รับการเปิดเผยว่าดำเนินการกับโรงแรมนี้อย่างไรเนื่องจากเจ้าของโรงแรมนายอู่หลิงแฃ่กงอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินนี้มานานกว่าสามสิบปีสร้างโรงแรมนี้มาแต่ครั้งนั้นขณะที่สภาพของโรงแรมฟ้องว่าเพิ่งมีการก่อสร้างได้ไม่นานมานี้เอง
ขณะที่โรงแรมใหญ่ที่เพิ่งผุดอื่นๆกลับไม่มีการดำเนินการ ดังนั้นข้าราชการทุกหน่วยที่กล่าวทราบดีมาตลอดแต่ละเลยเพิกเฉยต่อหน้าที่ปล่อยให้มีการบุกรุกทำลายป่ายังไม่พอยังนิ่งเฉยทั้งที่สปก.ควรจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกป่าเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มลงมือก่อสร้างไม่ใช่ปล่อยให้สร้างเสร็จแล้วจะใช้หลักรัฐศาสตร์มาสมรู้ร่วมคิด“ทำผิดให้เป็นถูก”
ลักษณะเช่นนี้จึงเป็นไปทั่วประเทศเพราะใช้การกระทำแบบเดียวกันทำให้ปัญหาการบุกรุกป่าไม่มีวันสิ้นสุด
ผู้บุกรุกเหล่านี้จะไม่สามารถดำเนินการได้ถ้าไม่ได้รับการรู้เห็นเป็นใจกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะข้าราชการในพื้นที่ย่อมเห็นประจักษ์อยู่ทุกวันอย่างอบต.แม่สลองนอกฃึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐย่อมรู้กฎหมายดีอยู่แล้วแต่ปล่อยปละละเลยถือว่าธุระไม่ใช่ แต่กลับเก็บเงินจากรายได้ภาษีโรงเรือนจากโรงแรมเหล่านี้ทุกปีโดยอ้างกฎหมายเสมือนเป็นหน้าที่ดังสรรพากรเก็บภาษีผู้มีรายได้ ทั้งที่สรรพากรไม่เคยเรียกเก็บภาษีจากผุ้มีรายได้ในการกระทำผิดเช่นขายยาเสพติด หรือเปิดบ่อนผิดก.มแต่อย่างใด
สรรพากรเก็บรายได้จากปชช.ผู้ดำเนินการอย่างถูกกฎหมายการเรียกเก็บภาษีโรงเรือนจากโรงแรมที่บุกรุกป่าบุกรุกที่ดินหลวงจึงเป็นส่ิงไม่ถูกต้องดังที่อบต.สมัยก่อนเรียกเก็บภาษีจากภบท.5 ของผู้บุกรุกป่าและต่อมามหาดไทยมีคำสั่งห้ามอบต.เรียกเก็บภาษีนี้เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมายที่รัฐเรียกเก็บภาษีจากผู้บุกรุกป่าแสดงถึงการร่วมกันกระทำผิด และผู้บุกรุกป่าเข้าใจว่าการที่หน่วยงานรัฐเรียกเก็บภาษีเป็นสิ่งที่ตนดำเนินการถูกต้อง
ปาหี่วันนี้ก็เป็นไปเหมือนทุกครั้งพอมีข่าวหรืออยากจะฟิตตรวจจับเพื่ออะไรสักครั้งก็จะรวมตัวขนกันมาทำเป็นตรวจสอบแล้วผลสรุปก็เหมือนเดิมเป็นประโยคยอดฮิตว่า “ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการว่าห้ามดำเนินการสร้างอาคารในรูปแบบของรีสอร์ทเนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของสปก.จว.ช.ร. แต่สำหรับผู้ประกอบการที่สร้างในรูปแบบของโฮมสเตย์เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สปก.จว.ช.ร. จะนำเรื่องเข้าประชุมเพื่อดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ต่อไป“
แสดงว่าข้าราชการเหล่านี้ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่เมื่อเห็นแล้วต้องตรวจสอบและดำเนินการจับทันทีไม่ใช่ห้ามเพราะถ้าห้ามได้ผลจะมีอาคารเกิดขึ้นได้อย่างไรมากมายเช่นนี้บนที่ดินป่าหรือแม้แต่ที่ดินของสปก. ที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงแรมแต่สปก.ก็กลับออกกฎหมายมาตรา30(5) มาเอื้อประโยชน์ให้คนบุกรุกสามารถดำเนินกิจการในพื้นที่ได้
ทำให้การบุกรุกในที่ดินสปก.ขยายตัวขึ้นเพราะสปก.ไม่เข้ารังวัดและตรวจสอบสิทธิที่พึงได้ของผุ้ครอบครองเนื่องจากหากสปก.ออกรังวัดมอบสิทธิแล้วที่ดินเหล่านั้นจะไม่สามารถฃื้อขายได้และต้องทำเป็นเกษตรกรเท่านั้นรายละ15 ไร่ถึง50 ไร่
แต่ขณะนี้ที่ดินสปก.และที่ดินป่าบนดอยแม่สลองนี้ถูกบุกรุกด้วยนายทุนต่างด้าวรายใหญ่ใช้คนต่างด้าวหรือคนถือบัตรประชาชนที่พูดไทยไม่ชัดมาออกหน้าทำไร่ชาหรือโรงแรม
โดยเฉพาะโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน9 แห่งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายผ่านนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงและอบต.แม่สลองนอกมีใบอนุญาตออกมาได้อย่างไรเมื่อที่ดินที่ก่อสร้างเป็นที่ดินป่าและเป็นที่ดินสปก.
ข้าราชการเหล่านี้จะมาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เพราะก่อนหน้าเคยเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมคุ้มนายพลหนึ่งในโรงแรมบนดอยแม่สลองที่มีใบอนุญาตมาพร้อมกับโรงแรมทั้ง9แห่งนั้น และมาถูกเพิกถอนใบอนุญาตเพียงแห่งเดียวจากการรวมหัวกลั่นแกล้งเพื่อจะชิงที่ดินที่เจ้าของเดิมสละสิทธิการครอบครองรับเงินไปแล้วมาใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการเรียกทรัพย์คืน แล้วนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงคนปัจจุบันยังแจ้งข้อหาทางอาญาว่าประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาตขณะที่รายอื่นๆอีก33+9 แห่งต่างรอดตัว
ทำให้ผู้ประกอบการรายนี้ร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจว.เชียงรายและอธิบดีกรมการปกครองมาเป็นเวลานานแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
เพราะดอยแม่สลองเป็นแหล่งผลประโยชน์มหาศาลทั้งเรื่องที่ดินเรื่องบ่อนเรื่องค้ายาเสพติด
กรณีที่กอ.รมน. สปก. ป่าไม้ในพื้นที่รวมตัวขึ้นไปสอบถามรายงานผลก็จะเป็นปาหี่เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้จะแตกต่างที่ผลเพราะมีหน่วยงานภายนอกหลายแห่งร่วมตรวจสอบรายงานผลไปยังผู้มีความตงฉินที่ไม่อาจเอาผลประโยชน์ไปยัดปากได้
ผู้สื่อข่าว ได้สอบถาม ความเห็นของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐเปิดช่องปิดหูปิดตาเพื่อให้นักลงทุนบุกรุกที่ป่า ที่สปก. จำนวนมาก แล้วรีบออกคำสั่งคสช.ที่6|2562 นิรโทษกรรม ทิ้งทวน การใช้ม.44 ให้กับผู้บุกรุกดังกล่าวด้วยการกำหนดไว้ในข้อ5 ของคำสั่งนั้น ทำให้คำสั่งดังกล่าวจะฟอกตัวผู้กระทำผิดให้เป็นถูก ขณะที่ก่อนหน้านั้นคสช.ได้สั่งรื้อสั่งทำลายสิ่งก่อสร้าง หรือ แม้แต่สวนไร่ส้ม เพื่อคงความถูกต้องของกฎหมายไว้ แต่กลับมาออกคำสั่งคสช.ที่6|2562 ทิ้งทวนไว้ เพื่อฟอกตัวผู้กระทำผิดบุกรุกที่ป่าให้เป็นถูกได้จริงหรือ หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับส่งเสริมให้มีการบุกรุกป่ากันต่อไป อย่างเช่นที่ผ่านมาปัญหาบุกรุกป่าไม่เคยแก้ได้สำเร็จ เพราะข้าราชการในพื้นที่ร่วมกันละเลย ละเว้น การปฎิบัติหน้าที่
วีคลี่นิวส์จะรายงานต่อไป
การเล่นปาหี่ มีมากแทบยุคทุกสมัย แทบทุกส่วนราชการ ถนนลาดยาง ไฟฟ้า ส่วนราชการอนุมัติก่อสร้าง บุกรุกเข้าไปให้มีได้อย่างไร ควรเอาผิดหน่วยงานเหล่านี้ด้วยที่สนับสนุนผู้กระทำผิด ป่าหมดเพราะไทยเรามีกรมตอไม้
ทหาร คือ มาเฟีย ในพื้นป่า
กรมตอไม้ สปก. ผว.ราชการ กลัวมาก