สัมมาสมาธิ ก็คือการเจียระไน เจียระไนจากอารมณ์ อารมณ์ต่าง ๆ นั้นน่ะมันเป็นเปลือก มีมากมายก่ายกองเขาเรียกว่าเหลือล้นพ้นประมาณ

ตั้งแต่เราเกิดขึ้นมาจนป่านนี้ความนึกคิดนี่เอาไปใส่อะไรก็เต็มหมด มากมายเหลือเกิน
แต่มากมายนั้นน่ะมันเป็นเปลือก ยังไม่ใช่แก่นแท้

เพราะฉะนั้นเมื่อเวลามาทำสมาธิแล้วเราก็มาบริกรรมพุทโธ พุทโธ ก็เหลืออารมณ์อันเดียว ในอารมณ์อันเดียวนั้นแหละมันก็กลายเป็นสมาธิขึ้น
อันนี้ถือว่าเป็นการกระเทาะเปลือกเพื่อที่จะเจียระไนเพชรให้เกิดมีค่ามีราคาขึ้นมา

เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่เราได้ทำสมาธิขึ้นมาแล้วเราก็จะได้พัฒนาตัวเราเอง จากปุถุชนนี้มาเป็นกัลยาณชน จากกัลยาณชนนี้ก็ให้มาเป็นอริยชน
ก็หมายความว่าคน ๆ เดียวนั้นแหละ ก้อนหินก้อนเดียวนั่นแหละแต่ว่าทำให้มันมีค่าซะ
ก็เพราะว่ามัวแต่หลงอารมณ์อยู่ อารมณ์ต่าง ๆ ก็เลยไม่สามารถที่จะกระเทาะเปลือกได้ ก็เลยถือเอาก้อนหินไปเปล่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ในก้อนหินนั้นก็มีค่ามีราคา

เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่เราคิดถึงว่าเราเกิดมาทำไม เราเกิดมาเพื่ออะไร เราก็คงจะรู้แล้วว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร
เพื่อมากระเทาะเปลือกให้ตัวของเรานั้นมีค่า

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก หน้าที่ ๒๔๔
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๔.๓๐