พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ” การให้ทานธรรมชนะการให้ทั้งปวง

เพราะว่าการให้ทานธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดกุศลจิต
เมื่อเราฟังธรรมเราก็มีจิตใจชื่นบาน ผู้แสดงก็ได้บุญด้วย ผู้ฟังก็ได้บุญด้วย ต่างคนก็ต่างได้บุญด้วยกัน

หลวงพ่อมีธรรมะเป็นเครื่องต้อนรับ เพราะว่าเมื่อเราได้ธรรมะประจำใจแล้วเราจะตายไปเดี๋ยวนี้เราก็ไม่อนาทร
เพราะธรรมะนั้นสามารถที่จะทำให้เราละจากกายนี้ไปเป็นกายเทพได้

ส่วนอธรรมคือการทำความชั่ว ความชั่วทั้งหลายแหล่นั้นไม่ได้เป็นผลดีแก่ใคร
แม้แต่ตัวผู้กระทำก็ไม่ได้เป็นผลดีแก่ผู้นั้น แล้วยังแผ่ผลชั่วไปให้แก่คนเป็นจำนวนมากด้วย เขาเรียกว่าความชั่วเป็นโรคระบาด

เพราะฉะนั้นความดีเหมือนกับน้ำดี น้ำดีย่อมขจัดน้ำเสีย
เมื่อเราสร้างบุญกุศลแล้วความชั่วมันก็ล่าถอย คือถอยออกไป แล้วความดีนั้นเมื่อรวมกลุ่มก้อนแล้วมันจะมีพลังมหาศาล
พลังอะไร พลังที่เกิดขึ้นมาผลักดันให้น้ำเสียต่าง ๆ นั้นมันหลุดกระจายหายไป

บางคนคิดว่าฉันทำบาปมาเยอะแล้วฉันทำบุญแล้วมันจะสู้บาปไหวมั้ย ไม่ต้องห่วง
เพราะว่าบุญมันมีพลังมากกว่าบาป พลังมันยิ่งใหญ่มหาศาล

การที่พวกเรามาปฏิบัติธรรมะ ไม่ว่าท่านจะมาให้ทาน หรือจะมารักษาศีล หรือจะมาภาวนา อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการที่รวบรวมพลัง รวบรวมพลังของบุญ
จะทำทีละน้อย ละน้อย จะทำทีละมาก ละมาก จะทำทีละเท่าไหร่ จะสร้างอะไรก็ตามที่เป็นบุญนั้น มันจะเป็นออโตเมติกสะสมไว้ในตัวของมันเสร็จ

เราไม่ต้องตกใจว่าที่เราทำอะไรไว้ไม่ดี ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่มาก แต่มากก็ต้องทำสมาธิให้มาหน่อย กว่ามันจะหลุดได้

เพราะว่าบุญนี่มันจะเป็นดุจทำนบน้ำสามารถที่จะขจัดน้ำเสียต่าง ๆ ออกไปได้อย่างไม่ต้องกังขาและสงสัย

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๑๖
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๙.๒๔