นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อุปสรรคที่สาคัญที่สุด เรื่องหนึ่งสำหรับการยกระดับศักยภาพของประเทศ คือ กฎเกณฑ์ที่ล้าสมัย ไม่เท่าทันกับรูปแบบการ บริหารธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงในโลกใหม่ ธปท. จึงได้เริ่มโครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน (Foreign Exchange Regulation Reform) เป็นลาดับแรก ซึ่งแม้ที่ผ่านมาจะมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ใน เรื่องนี้มาเป็นระยะ แต่หลายเรื่องไม่สอดคล้องกับบริบทของระบบเศรษฐกิจระบบการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
โครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกฎเกณฑ์ ต่างๆ ที่อยู่ในการกากับดูแลของ ธปท. เพื่อเพิ่มความสะดวกในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน (ease of doing business) อย่างไรก็ดี การผ่อนคลายหรือยกเลิกกฎเกณฑ์เหล่านี้จะต้องไม่กระทบต่อการทาหน้าที่ดูแล เสถียรภาพทางการเงินของ ธปท. โดย ธปท. จะยังมีข้อมูลสาหรับติดตามวิเคราะห์เงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อประเมินผลกระทบต่อตลาดการเงิน และระบบเศรษฐกิจโดยรวม

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ธปท. ได้ทางานร่วมกับที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และได้ทางานใกล้ชิดร่วมกับคณะทางานตัวแทนจากภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าไทย ผู้ประกอบการ ธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และ ผู้ประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งได้ร่วมให้ความเห็นเกี่ยวกับอุปสรรค และให้ข้อเสนอแนะเพื่อ ปรับปรุงกฎเกณฑ์ โดยได้พิจารณาถึงต้นทุนของผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วย

การปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความชัดเจน ความโปร่งใส และ ลดความซ้าซ้อน โดยบางเรื่องเป็นการปรับเปลี่ยนหลักคิดของการทางานภายใต้กรอบกฎหมายใหญ่โดยให้ ภาคเอกชนสามารถทาธุรกรรมเงินตราต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงได้เสรีเพิ่มขึ้นตามแนวการบริหาร กิจการและควบคุมภายในที่ธุรกิจเอกชนแต่ละแห่งกาหนดขึ้นเองภายใต้กรอบที่ ธปท. กาหนด นอกจากนี้ การผ่อนคลายกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินในรอบนี้ ยังครอบคลุมถึงการลดขั้นตอนยื่นเอกสารที่ไม่จาเป็น ผ่อนคลายให้เอกชนทาธุรกรรมเงินตราต่างประเทศโดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตต่อ ธปท. เพิ่มผู้เล่นในตลาด เงินตราต่างประเทศ และสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้ง สนับสนุนให้ใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกคล่องตัว

สำหรับแผนดาเนินการ มีหลายเรื่องจะมีผลบังคับใช้ในเดือนนี้ และธปท. จะทยอยเร่งดาเนินการ ผ่อนคลายเรื่องที่เหลือส่วนใหญ่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 เนื่องจากต้องแก้กฎเกณฑ์ที่อยู่ในอานาจหรือ เกี่ยวโยงกับอานาจของหน่วยงานอื่น

ทางด้าน นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกระบวนการปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินที่ ธปท. ได้เริ่มดาเนินการเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ในการดาเนินโครงการดังกล่าว ธปท. ร่วมกับที่ปรึกษาจากต่างประเทศและตัวแทนภาคเอกชน ร่วมให้ความเห็นและข้อเสนอแนะในการทบทวนกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ผ่านการตอบคาถามหลัก 4 ข้อ กล่าวคือ 1) มีอานาจกฎหมายหรือไม่ 2) มีความจาเป็นและบรรลุเป้าประสงค์หรือไม่ 3) เป็นอุปสรรค ต่อภาคธุรกิจหรือไม่ และ 4) มีข้อเสนอแนะในการทบทวนกฎเกณฑ์อย่างไร โดยปัญหาอุปสรรคที่พบ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของขั้นตอนและเอกสาร

แนวทางการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินที่คณะทางานได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว แบ่งเป็น 4 เรื่องหลัก (รายละเอียดตามเอกสารแนบ) ได้แก่
1. ลดขั้นตอนและเอกสาร เพื่ออานวยความสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งสนับสนุนการใช้ อิเล็กทรอนิกส์
2. ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารความเสี่ยงได้คล่องตัวมากขึ้น
3. เพิ่มทางเลือกให้รายย่อยทาธุรกรรมผ่านผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินและโอนเงินระหว่าง
4. เพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่นักลงทุนไทยและเพิ่มผู้ให้บริการเพื่อให้เกิดการแข่งขัน

* โครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ 
เพื่อเพิ่มความสะดวกในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน (ease of doing business) โดย ธปท. ยังคงรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนามาปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในอนาคตต่อไป