ศาลปกครองตัดสินให้คืนพาสปอร์ตแก่ จาตุรนต์ ฉายแสง​​​​​ เจ้าตัวสรุปข้อเท็จจริงคดีปกครองหมายเลขดำที่ 57/2559ให้คนสนใจอ่านทันทีดังนี้

​​1. คู่กรณี

​​นายจาตุรนต์ ฉายแสง​​​​​ ผู้ฟ้องคดี

​​กระทรวงการต่างประเทศ ​​​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
​กรมการกงสุล​​​​​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
​ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ​​​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4
​อธิบดีกรมการกงสุล​​​​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5
​สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ​​​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6
​ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​​​​ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7

​​2. ข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุให้ฟ้องคดี
2.1 หลังการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นายจาตุรนต์ฯ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองทางช่องทางต่างๆ รวมถึง Facebook ส่วนตัว โดยหนึ่งในเรื่องที่แสดงความคิดเห็นในหลายๆ โอกาส คือเรื่องการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เช่น ครั้งที่แสดงความเห็นไว้เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 ผ่านทาง Facebook ซึ่งต่อมาถูกนำไปเป็นประเด็นในการยกเลิกหนังสือเดินทางอันที่มาของการฟ้องคดีนี้
2.2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ หลังจากที่นายจาตุรนต์ โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebook เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2558 หัวหน้าสำนักงานศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีได้มีบันทึกข้อความรายงานสถานการณ์ด้านความมั่นคงให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 นายจาตุรนต์ฯ แสดงความเห็นใน Facebook กรณีการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่งว่า การถอดถอนจากตำแหน่งที่บัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 2558 ของคณะกรรมการธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขัดต่อหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยและเป็นการทำลายหลักการเกี่ยวกับการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยทั้งสามอย่างร้ายแรง ซึ่งเรื่องการถอดถอนนี้สาระสำคัญอยู่ในมาตรา 253 กับมาตราอื่นที่เชื่อมโยงกัน
2.3 นายกรัฐมนตรีพิจารณารายงานสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ได้มีบัญชาผ่านรองนายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการกรณีถอนหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ ตามบันทึกข้อความของพล.ต.ท. รุ่งฤทธิ์ ซุ่นทรัพย์ ผบช. สยศ. ตร. ด่วนที่สุด เรื่องบัญชานายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับสรุปรายงานประจำวันที่ 20-22 พฤษภาคม 2558 ฉบับลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2558
2.4 วันที่ 14 สิงหาคม 2558 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศขอให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ โดยให้เหตุผลว่า นายจาตุรนต์ฯ เป็นบุคคลที่มีหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะนายจาตุรนต์ฯ ไม่ได้เป็นผู้ที่มีหมายจับและไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ
2.5 กองหนังสือเดินทาง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางตามข้อ 3 (5) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. 2545 ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2558 เวลา 16.30 น. ซึ่งเลยเวลาทำการของกระทรวงการต่างประเทศแล้ว แต่ปรากฏว่า ในวันเดียวกันกับที่ได้รับหนังสือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ (19 สิงหาคม 2558) เวลาใดไม่ปรากฏ กระทรวงการต่างประเทศกลับดำเนินการยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ ตามหนังสือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
2.6 ช่วงเช้าของวันที่ 19 สิงหาคม 2558 นายจาตุรนต์ฯ เดินทางได้ไปทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ ต่อมาในช่วงบ่ายจึงได้รับหนังสือเดินทางไทยเลขที่ AA5523514 ในวันดังกล่าวไม่มีใครแจ้งให้ทราบถึงกระบวนการยกเลิกหนังสือเดินทาง
2.7 นายจาตุรนต์ฯ เพิ่งมาทราบว่าถูกยกเลิกหนังสือเดินทางเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 อันเป็นวันที่กรมการกงสุลออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ชี้แจงเกี่ยวกับการยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศขอให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศและกรมการกงสุลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 23 (2) ประกอบข้อ 21 (2) จึงได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2558
2.8 นายจาตุรนต์ฯ ไม่ได้รับแจ้งคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าวจากกระทรวงการต่างประเทศและกรมการกงสุล ทราบแต่เพียงจากข่าวที่ปรากฏในสื่อเท่านั้น จึงมีหนังสือลงวันที่ 3 กันยายน 2558 ไปยังปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
2.9 วันเดียวกัน (3 กันยายน 2558) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยตอบคำถามของผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุของการยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ ว่า “ก็ผิดซ้ำซากไง หลายเรื่อง ก็คดีความเขาเยอะแยะไป
หมด เรียกมา 10 ครั้งแล้ว เดี๋ยวมีอีกหลายคน คอยดูเถอะ” ทำนองเดียวกัน ในวันที่ 10 กันยายน 2558 นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนอีกว่า “ผมกำลังดูว่าใครยังพูดจาให้ประเทศเสียหายอีกหรือไม่ นอกจากการยึดพาสปอร์ตและนำตัวควบคุมในค่ายทหารแล้ว อาจใช้พลาสเตอร์ปิดปากด้วย ผมไม่มียอมใครหรอก เพราะผมไม่ได้มาตามระบบปกติ จะเรียกมาเรื่อยๆ ถ้าผิดก็จะเรียกเข้าค่ายอีก”
2.10 นายจาตุรนต์ฯ เห็นว่า คำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ฯ เป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย เป็นคำสั่งที่เกิดจากการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของนายจาตุรนต์ฯ อันเป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ขัดต่อหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และทำให้นายจาตุรนต์ฯ ได้รับความเสียหาย นายจาตุรนต์ฯ จึงยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีกรมการกงสุล
2.11 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีกรมการกงสุล ไม่พิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสมควรตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้นายจาตุรนต์ฯ ทราบ นายจาตุรนต์ฯ จึงใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งยกเลิกที่นายจาตุรนต์ฯ เห็นว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย