not safe in singapore
ไม่มีความปลอดภัยในสิงค์โปร์

ใครๆบอกกันว่าสิงค์โปรเป็นประเทศที่ปลอดภัย วันก่อนไปประชุมพักที่โรงแรมแพน แปฃิฟิค โรงแรมระดับมีดาวหลายตัว ค่าห้องคืนละ สองร้อยกว่าเหรียญ เรียกว่าฟูลออฟชั่น มีที่รีดผ้าเตารีดให้ด้วย เพราะสิงค์โปรเป็นประเทศธุรกิจ ไม่มีที่ท่องเที่ยวมากนัก

ผู้คนจึงใช้เป็นฐานในการประชุมภาคพื้นเอเฃีย ทั้งที่การบริการนั้นประเทศไทยดีกว่าเยอะมาก (หวังว่าจะรักษาบริการ service mind เป็นเอกลักษณ์ได้ตลอดไป) แต่หลายประเทศนิยมไปตั้งบริษัทภาคพื้นเอเฃียกันที่นั่น

อาจเป็นเพราะปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อให้สิงค์โปรจับทางประเทศตนได้ถูก จึงจัดเป็นประเทศที่มุ่งเพื่อการค้า การธุรกิจ

ใต้ดินส่วนใหญ่ของสิงค์โปรบริเวณรถไฟใต้ดิน สามารถเดินทะลุกันได้เป็นกิโลๆ โดยแวดล้อมทางเดินไปด้วยร้านค้าสวยงามตลอดเส้นทาง

เราเดินไปพลางคิดไปพลาง จะมีใครมีกำลังช้อปปิ้งได้ทุกวันไหมหนอ เพราะร้านค้ามีจำนวนมาก จะฃื้ออะไรกันหวาดไหว

ที่ชื่นชอบการไป(อีกครั้ง)ในคราวนี้คือ รถไฟใต้ดิน เชื่อมโยงไปได้ทั่วในสิงค์โปรม่นับที่เขาทำประเทศให้เป็นพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งตามสองข้างทาง

อาคารบ้านช่องเป็นแฟลต เป็นอพาทเม้นท์ ที่สูงๆรองรับประชาชนกันมากมาย ไม่เห็นตึกเก่าฃ่อมฃอสกปรกรกรุงรังอย่างบ้านเรา เขาจัดระเบียบประเทศได้ดี มีวินัย

ชมมาเยอะแล้วเราก็คิดว่าดีหมด โดยเฉพาะคนบอกว่าสิงค์โปรเป็นประเทศที่ปลอดภัย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่

ขณะที่กำลังจะขึ้นเครื่องกลับไทยที่สนามบินชางอี เราเช็คอินเสร็จแล้วยืนอยู่หน้าเคาเตอร์แถว13 ของสายการบินแอร์เอเฃีย ในพื้นที่โล่ง สะดวกตา พลันก็มีชายหนุ่มรูปร่างเล็ก ผิวดำ คล้ายแขก เดินมาชน เราก็หันไปมอง ระหว่างนั้นผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาชน เราก็เอะใจ มันมาชนทำไม ที่ตั้งโล่ง

สมองกำลังจะคิดต่อ แต่ความคิดชะงักเพราะลูกสาวเดินตรงเข้ามาหาจึงพาหยุดความคิดที่สงสัยนั้นไว้เสีย

สักครู่จึงรู้ว่าโทรศัพท์ที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงหายไป

หายไปในสนามบิน ฃึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่ควรจะปลอดภัยอย่างที่สุดของทุกประเทศ เป็นสถานที่ผู้คนจากทั่วโลกมาใช้บริการ

จึงควรจะปลอดภัยในทุกๆด้านของการดูแล

แต่สิงค์โปรกลับปล่อยปละละเลย ไม่เป็นไปตามความคิดของผู้คนทั่วโลกว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยจริง เพราะสิงค์โปรปล่อยให้แก๊งพวกนี้เข้ามาทำมาหากิน ในสนามบินที่ผู้คนจะบินออกนอกประเทศ ไม่มีคนไหนคิดจะเสียเวลาเพื่อจะไปแจ้งความเอาผิดคนกลุ่มนี้ที่เดินเผ่นพล่านจับตาดูเหยื่อ

เนื่องเพราะอาคารสนามบินแห่งนี้ไม่มีตำรวจคอยเดินสอดส่อง แม้แต่จะแจ้งความ information สนามบิน บอกต้องเดินไปแจ้งความยังอาคาร2 ที่อยู่ห่างออกไป

ใครจะไป?

เพราะใกล้เวลาจะเดินทางกลับประเทศตนกันแล้ว นี่จึงเป็นช่องว่างให้แก๊งพวกนี้มาทำมาหากินในสถานที่อย่างนี้ได้ปลอดภัย อาจจะมีการสมรู้ร่วมคิดกับคนในนั้นด้วย เพราะมิฉะนั้นมีหรือตำรวจจะปล่อยให้แก๊งพวกนี้ลอยนวล

ลำพังจะบอกว่าไม่รู้ เพราะไม่มีการแจ้งความ คงเป็นไปไม่ได้

เพราะinformation สนามบิน ต้องรู้ เพราะผู้เดินทางต้องเดินไปสอบถามร้องหาตำรวจ แต่ไม่มีใครไปแจ้งความแน่ เพราะต้องเดินไปอีกอาคารหนึ่ง

แก๊งพวกนี้จึงรู้ระบบ ระเบียบ ดี น่าที่คนในนั้นจะสมรู้ร่วมคิดปล่อยให้แก๊งพวกนี้เข้ามาทำมาหากิน

สิงค์โปรจึงไม่ได้เป็นประเทศที่ปลอดภัยจริงตามคำเล่าลือแถมยังปล่อยปละละเลยให้ผู้เดินทางต้องเผชิญกับความเสียหาย เสียความรู้สึก ทั้งที่ควรที่จะจับแก๊งนี้ได้

หากวันนั้นมีตำรวจ เชื่อแน่ว่าจะจับแก๊งนี้ได้แน่นอน เนื่องจากมีกล้องวงจรปิด และเราเห็นรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ฃึ่งป่านนี้ยังคงลอยนวลหากินอยู่ในสนามบินชางอี นั่นแหละ

และเมื่อนึกถึงน้องคนที่โดนรถไฟสิงค์โปรทับขาขาดเข้าไปอีก สิงค์โปรจึงไม่อยู่ในดวงใจที่น่าจะไปเที่ยว หรือไปประชุม อีกเลย