พลันที่มีการเลือกตั้งนายกสภาทนายความและกรรมการชุดใหม่เสร็จสิ้นลง เมื่อคืนวันที่28ส.ค59 ใครที่ติดตามการทำงานของสภาทนายความชุดเก่าที่มีนาย เดชอุดม ไกรฤทธิ์ เป็นนายกสภาทนายความติดต่อกันสามสมัยคงจะโล่งอกกันไปตามๆกัน เพราะอะไรก็ตามอยู่นานเกินสองสมัยมักจะเป็นที่น่าเบื่อ ยิ่งถ้าเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ก็ล้วนแล้วแต่กลายเป็นมาเฟียแทบทั้งนั้น

เพราะหลงไปกับลาภ ยศ สรรเสริญ ที่ไม่เคยมี ไม่เคยได้ จึงลงจากตำแหน่งไม่ได้จนกว่าจะถูกสอยลงมาเองจากผู้มีสิทธิลงเลือกตั้ง

สิ่งหนึ่งที่สภาทนายความชุดใหม่หมาดๆนี้ชูขึ้นมานอกจากเรื่องขอถอนพรบ. ให้ต่างชาติมาเป็นทนายในไทยออกเสีย แล้ว ยังชูเรื่องพลังแห่งความเปลื่ยนแปลง

“จะไม่ยุ่งกับการเมือง และ เคลื่ยนไหวทางการเมือง ” “จะยกระดับทนายความสู่สากล ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเหมือนแพทย์ ”

ทำให้มองเห็นได้ว่า สภาทนายความชุดใหม่นี้จะดำรงตนให้เป็นที่เชื่อมั่นแก่ปชช.ได้ว่า จะใช้อำนาจที่ครองอยู่ไปในทางที่ถูกต้อง ไม่เอาไปใช้ในประโยชน์สร้างอำนาจนอกหน่วยงานตน เพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตนเองและเพื่อนพ้อง

ในด้านสำหรับปชช.นั้นสภาทนายความชุดใหม่นี้ไม่ได้กล่าวถึงประโยชน์ที่ปชช.จะได้รับจากการดำรงตำแหน่ง เพราะปชช.ไม่ได้ไปร่วมสิทธิในการเลือกตั้ง แต่ส่วนหนึ่งของภาษีของปชช.ได้มีส่วนสนับสนุนให้การดำเนินการของสภานี้ขับเคลื่ยนไปได้ สภาทนายความจึงควรที่จะทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือปชช.บ้างนอกจากเป็นทนายฟรีแก่ผู้ยากไร้แล้ว

เช่น ในการเสนอออกกฎหมายของหน่วยงานรัฐที่จะบังคับใช้แก่ปชช. สภาทนายความควรที่จะมีบทบาทในการแสดงความเห็นต่อร่างกฎหมายนั้นอย่างที่ถูกอย่างที่ควร ไม่ใช่ปล่อยให้หน่วยงานนั้นๆปูยีปูย่ำปชช.จนไม่มีความเป็นธรรม

อาทิ การออกร่างพรบ.ขออนุญาตฎีกาในคดีแพ่ง คดีอาญา (ในอนาคต) ที่ศาลยุติธรรมหันมาใช้ระบบขออนุญาตแทนระบบสิทธิ เป็นการริดรอนสิทธิของปชช.ที่ควรได้รับตามรัฐธรรมนูญกำหนดอำนาจตุลาการต้องมี สามศาล

และการให้อำนาจศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตรับไม่รับก็ขึ้นอยู่กับความไม่เป็นสาระ ซึ่งหลักเกณฑ์ของความไม่มีสาระกับความยุติธรรมของปชช.ตามรัฐธรรมนูญนั้นไม่อาจเปรียบเทียบได้

กรณีตัดสิทธิของปชช.ที่จะถวายฎีกาคำตัดสินก็ล้วนแต่ละเมิดพระราชอำนาจของพระองค์ที่ราษฎรจะพึงมี ด้วยการบังคับมิให้กระทำ

อย่างนี้เป็นต้น สภาทนายความควรจะเสนอความเห็นว่าสมควรหรือไม่ หรือรักษาสิทธิของปชช.ด้วยได้หรือไม่

มิใช่สภาทนายความจะตั้งขึ้นมาเพื่อทนายด้วยกันเองแต่อย่างเดียว โดยเฉพาะการตรวจตราทนายอาสาประจำศาลทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ตามเจตนารมย์ของการมานั่งทำหน้าที่หรือไม่ เพราะที่เห็นมีหลายคนนั่งเล่นมือถือ หลายคนไม่มีความรู้เพียงพอจะให้ข้อมูลปชช.

แต่อย่างน้อยสภาทนายความชุดนี้ก็คงจะทำงานได้ดี เพราะตัวผู้เป็นนายกสภาทนายความใช้ชีวิตที่ติดดินพอจะเข้าใจทุกข์ของผู้คนได้บ้าง

เราจะเฝ้าดู และขอแสดงความยินดีกับพลังแห่งการเปลื่ยนแปลงนี้