ผู้พิพากษาใจเด็ดยิงตัวเองประท้วงความอัปยศคำสั่งอธิบดีภาค9    ถึงเวลาหรือยังที่จะปฎิรูปองค์กรศาลให้สามารถตรวจสอบการทำงานของศาลให้โปร่งใส

วันนี้(4 ..2562) ...อิสระพันธ์สุรทิพย์รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองยะลาได้รับแจ้งว่าเมื่อเวลา12.50 .ที่ผ่านมาเกิดเหตุนายคณากรเพียรชนะผู้พิพากษาใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตนเองถูกบริเวณใต้ราวนมได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศาลจังหวัดยะลาภายในห้องพิจารณาคดีหลังพิจารณาคดีแล้วเสร็จ 

สำหรับสาเหตุการยิงตัวเองของผู้พิพากษาท่านนี้ชื่อว่านายคณากรเพียรชนะผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลชั้นต้นจังหวัดยะลาโดยท่านได้เขียนแถลงการณ์ในการตัดสินคดีหนึ่งดังนี้ว่า

คดีนี้นัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่19 .62 แต่เนื่องจากเป็นคดีสำคัญจึงต้องรายงานให้อธิบดีภาค(แต่ไม่ใช่คดีความมั่นคงหรือคดีก่อการร้าย) ต่อมาอธิบดีมีคำสั่งมาทางระบบคอมพิวเตอร์ให้ส่งร่างคำพิพากษาและสำนวนไปตรวจดังนั้นเมื่อเรียงคำพิพากษาเสร็จแล้วต้องส่งร่างคำพิพากษาไปยังสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค9ตรวจตามคำสั่งอธิบดี

              เมื่อร่างคำพิพากษาพร้อมสำนวนถึงสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค9แล้วการตรวจร่างคำพิพากษาเริ่มกระทำโดยนายวิสูตรมานะพิทักษ์ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำภาคทำบันทึกว่าไม่เห็นด้วยกับผลคำพิพากษาส่งต่อให้นายวรวิทย์จิรายุกุลรองอธิบดีผู้พิพากษาทำบันทึกว่าไม่เห็นด้วยกับผลคำพิพากษาและส่งต่อให้นายเพิ่มศักดิ์สายสีทองอธิบดีผู้พิพากษาภาค9 ทำคำสั่งที่หน้าบันทึกดังกล่าวโดยประทับคำว่าลับ

                 สั่งให้ผมเขียนคำพิพากษาใหม่ตามความเห็นของหัวหน้าภาคกับรองอธิบดีนอกจากนี้อธิบดียังสั่งที่หน้าร่างคำพิพากษาด้วยว่าให้ดำเนินการตามบันทึก(ลับ)ที่แนบ

                  คำแถลงการณ์กล่าวโดยสรุปว่า

ผู้พิพากษาได้ถูกแทรกแซงสั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษาใหม่ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามที่ถูกแทรกแซงจะส่งผลให้จำเลย3 รายต้องโทษประหารชีวิตสถานเดียวส่วนจำเลยอีก2 รายจะต้องโทษจำคุกสองในสามส่วนทั้งที่พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้และข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องซึ่งผู้พิพากษารายนี้ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง5ราย

ผมยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นต้องทำให้ถูกต้องตามกระบวนการต้องให้ความเป็นธรรมทั้งผู้เสียหายและจำเลยต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนการใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานต้องกระทำโดยปราศจากอคติทั้งปวงไม่ใช่กระทำโดยความรู้สึกส่วนตัวหรือตามคำสั่งของใครไม่ใช่เพราะอยากได้หน้าหรืออยากให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นผู้มีอำนาจสามารถควบคุมผู้พิพากษาและผลคำพิพากษาได้คำแถลงการณ์ระบุ

ในคำแถลงการณ์ของผู้พิพากษารายนี้ระบุด้วยว่าการแทรกแซงอำนาจตุลาการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย..2560 มาตรา188 ที่บัญญัติว่าผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาอรรถคดี

คำแถลงการณ์ระบุด้วยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับผมนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นขณะนี้เพื่อนๆผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั่วประเทศก็ถูกกระทำไม่ต่างกับผมเจ็บช้ำระกำใจไม่ต่างกัน

คำแถลงการณ์ยังระบุถึงปัญหาต่างๆที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องเผชิญด้วยว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดวิกฤตประชาชนเสื่อมศรัทธาในศาลยุติธรรมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเป็นเหตุให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านเกียรติภูมิคือต้องรับกรรมที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อ

นอกจากนี้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั้งประเทศยังไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเงินอันทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อการดำรงชีพมาเป็นเวลานานดังนี้

ประการแรกในเวลาราชการผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีทำการสืบพยานในห้องพิจารณาและต้องสั่งคำร้องขอต่างๆตรวจร่างคำพิพากษาและคำสั่งที่พิมพ์แล้วทั้งวันเมื่อคดีเสร็จการพิจารณาสืบพยานเสร็จต้องเขียนคำพิพากษาแต่ในตารางการทำงานกลับไม่มีเวลาเพื่อการเขียนคำพิพากษาท้ายที่สุดต้องเขียนคำพิพากษานอกเวลางานและต้องเขียนให้เสร็จภายในระยะเวลาอันจำกัดเรียกได้ว่าสวยเก๋เท่ไวแต่นั่นคือการเสียสละเวลาส่วนตัวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

ประการที่สองผู้พิพากษาถูกห้ามมิให้ประกอบอาชีพอื่นเพื่อหารายได้เพิ่มเติมดังนั้นจึงไม่อาจหารายได้เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเองเพิ่มขึ้นได้ต่างกับแพทย์ที่สามารถเปิดคลินิกหารายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจาการทำงานที่โรงพยาบาลจึงมีข้อสงสัยในความเป็นธรรมว่าเหตุใดผู้พิพากษาจึงไม่ได้รับค่าตอบแทนในการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้

ด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรมทางการเงินดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้พิพากษาขาดความมั่นคงและอ่อนแอทางการเงินอาจก่อให้เกิดความอ่อนแอไม่มั่นใจอาจถูกขู่ให้กลัวได้ง่ายและถูกชักจูงได้ง่ายการแทรกแซงคำพิพากษาหรือคำสั่งสามารถทำได้ง่ายขึ้นแล้วหลักประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษาอยู่ที่ใด

ผู้พิพากษารายนี้ระบุในคำแถลงการณ์ด้วยว่าได้ดำเนินการส่งหนังสือพร้อมพยานหลักฐานเรียกร้องไปยังประธานรัฐสภาสื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านทราบนายกรัฐมนตรีสื่อให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบสื่อมวลชนทั้งชี้แจงผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศว่าอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอดและจะให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนจนสุดชีวิตโดยเรียกร้อง2 ข้อดังนี้

1.เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติออกกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรมเพื่อห้ามกระทำการตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟังทั้งห้ามกระทำใดๆอันมีผลเป็นการแทรกแซงผลคำพิพากษา

2.เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติและนายกรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรีให้ความเป็นธรรมทางการเงินแก่ผู้พิพากษาทั่วประเทศซึ่งทราบว่ามีผู้พิพากษาบางกลุ่มจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้นานแล้วแต่มีข้อขัดข้องไม่สามารถส่งออกจากศาลยุติธรรมเพื่อนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติและคณะรัฐมนตรีได้

คำแถลงการณ์นี้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลองค์คณะผู้พิพากษาและผู้พิพากษาในศาลนี้ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใดท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาที่ศาลนี้ล้วนแต่เป็นผู้มีความเป็นธรรมและมีความเมตตาไม่มีใครรรู้ว่าผมจะทำเช่นนี้

ผมขอฝากถ้อยคำถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยและผู้รักความยุติธรรมทุกท่านไว้สองประโยค

คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา” “คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

คำแถลงของผมอาจมีน้ำหนักเบาบางเหมือนขนนกแต่หัวใจผู้พิพากษาหนักแน่นปานขุนเขาจึงมอบหัวใจชั่งบนตราชูยืนยันคำแถลงขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน

อ่านรายละเอียดแถลงการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

                 วีคลี่นิวส์  เห็นว่าคำแถลงการณ์ดังกล่าวส่งตรงถึงประชาชนและหน่วยงานรัฐเพื่อให้ได้เข้าใจถึงวิธีการในการพิจารณาคดีรูปแบบของการทำคดีและกฎหมายขั้นตอนในการพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม

                  อันเป็นคำแถลงการณ์ที่ฟ้องสังคมด้วยชีวิตของตัวผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีนี้ถึงความอัปยศในวงการแม้ว่าโฆษกศาลยุติธรรมจะออกข่าวมาว่านายคณากร เพียรชนะมีความเครียดส่วนตัวแต่ผู้ที่อ่านแถลงการณ์นี้เมื่ออ่านแล้วย่อมคิดไม่เหมือนกับที่โฆษกศาลยุติธรรมกล่าว

                     แต่ความเครียดของผู้พิพากษาท่านนี้ถึงกับยิงตัวเองน่าจะเป็นความละอายต่อตัวเองเพื่อสังเวยความไม่ยุติธรรมของวงการศาลที่ใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายถึงกับเน้นในแถลงการณ์ว่าคืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา“ “คืนความยุติธรรมให้ประชาชน” และแถลงการณ์สุดท้ายคือ “คำแถลงของผม อาจมีน้ำหนักเบาบางเหมือนขนนก แต่หัวใจผู้พิพากษาหนักแน่นปานขุนเขา จึงมอบหัวใจชั่งบนตราชู ยืนยันคำแถลง ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน”

                       วีคลี่นิวส์ ขอคารวะ ในความละอายต่อตนเองของท่านที่อาจจะสร้างบาปให้แก่ตนเองไปถึงครอบครัวเพื่อที่จะตัดสินคดีให้ผู้อื่นต้องรับโทษทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนไม่ถูกต้องตามกระบวนการทำให้ผู้รับผิดชอบตัดสินคดีนี้เกิดความเครียดจากการกดดันของคนในกระบวนการศาลด้วยกันเอง

                       เป็นเรื่องที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ที่เพิ่งประกาศขอรับฟังเสียงประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงนั้นต้องเอาจริงเอาจังและปราบปรามกระบวนการเหล่านี้ให้สิ้นฃากเพราะประชาชนต่างส่งเสียงกันมานานแต่ศาลก็ไม่รับฟังนำไปปรับปรุงแก้ไขแต่กลับแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ต่อประชาชนกลับมาแทน

                     ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยจะช่วยกันทำให้องค์กรศาลมีความยุติธรรมด้วยการคัดสรรผู้พิพากษาที่มีจิตสำนึกของความเป็นคนมีความรู้ความสามารถในทางกฎหมายอย่างละเอียดลึกฃึ้งควบคู่กับคุณธรรมและมโนธรรมและไม่ทุจริตไม่ใช้ดุลยพินิจในการตัดสินคดีอย่างอคติเพื่อแลกกับผลประโยชน์โดยที่ไม่ถูกกำจัดให้ออกไปจากวงการ

 

   

 

https://futureforwardparty.org/wp-content/uploads/2019/10/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87.pdf