อัยการระส่ำหลังคสช.สั่งย้ายสามอัยการเอี่ยวทุจริต

อัยการระส่ำหลังคสช. สั่งย้ายอัยการจวพร้อมรองอัยการสองจว.เข้ากรุ พร้อมให้ศอตช.แจ้งข้อทุจริต ปชช.ขานรับร้องเรียนการสอบสวนของอัยการสูงสุดช่วยเหลือพวกเดียวกัน

จากกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งที่ 33/2559 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ให้นายวาทิต สุวรรณยิ่ง อัยการจังหวัดนาทวี นายมาโนช รัมมะสินธุ์ รองอัยการจังหวัดนาทวี และนายนันทวุธ อุตสาหตัน รองอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการสำนักงานอัยการสูงสุด โดยให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงในการตรวจสอบให้หน่วยงานต้นสังกัดทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นั้น ส่งผลให้สำนักงานอัยการสูงสุด
ระส่ำต่อการทำงานของอัยการทั่วประเทศ

เนื่องจากปัญหาเรื่องการทุจริตมีมานานแต่ไม่สามารถจับมืออัยการคนใดมาดมได้ เพียงแต่มีการเล่าขานของปชช.ที่ได้สัมผัสต่อการติดต่อในการทำคดีเท่านั้น

เมื่อศอตช.เสนอเรื่องให้หน.คสช ออกคำสั่งย้ายด่วนอัยการจว.และรอง ของนาทวีและสมุทรสาคร ทำให้ปชช.แปลกใจมากว่าถ้า ศอตช. เสนอเรื่องให้หน.คสช.ได้อย่างนี้แล้วทำไมต้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบอีก และกำชับว่าหากตรวจสอบไม่ผิดก็ให้เยียวยา และให้ไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม

การออกคำสั่งดังกล่าวทำให้อัยการทั้งสามหากไม่ผิดก็ทำให้เสียชื่อเสียงไปแล้ว จึงน่าจะเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง หากเป็นรัฐบาลก่อนอาจถูกฟ้องให้ติดคุกแน่นอน

อย่างไรก็ตามปชช.ต่างดีใจและเชื่อว่าศอตช.คงไม่ทำงานเพื่อกลั่นแกล้งข้าราชการผู้ใด แสดงว่า ข่าวการทุจริตอาจมีจริงในสำนักงานอัยการสูงสุด เพียงแต่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันหรือไม่ตั้งใจจะจับก็เป็นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ได้มีปชช.ยื่นเรื่องร้องเรียนสนับสนุนศอตช.ต่อนายกรัฐมนตรีว่าสำนักงานอัยการสูงสุดมักจะสอบสวนและช่วยเหลือพวกเดียวกันให้พ้นผิด เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีพฤติกรรมที่ควรจะต้องปฎิรูป โดยเฉพาะขาดการตรวจสอบพฤติกรรมของอัยการและข้าราชการในสำนักงานต่างๆทั่วปท ปชช.ที่ไปติดต่อล้วนแต่บ่นว่าบริการไม่ดี พูดจาเป็นเจ้าขุนมูลนาย ขี้เกียจทำคดี

และเมื่อปชช.ร้องเรียนเข้าไป ก็มีการตั้งกรรมการสอบแต่ผลออกมามีการช่วยเหลือพวกเดียวกัน ” ไม่พบทุจริต” บ้าง ” ไม่พบพฤติกรรมดังกล่าว”บ้าง
ทั้งที่ปชช.ยืนยันชัดเจน แต่ผลสอบกลับเข้าข้างเข้าถู

ทำให้ปชช.ไม่เชื่อถือ ส่งผลให้มีการร้องเรียนไปยังทำเนียบรัฐบาล ผ่านช่องทาง1111 ถึงนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก