ปัญหาการรังวัดกับระเบียบกรมที่ดินที่เอื้อต่อประโยชน์ระหว่างกัน

การรังวัดที่ดินเป็นเรื่องที่ต้องยื่นเรื่องขอต่อกรมที่ดิน เพื่อให้ช่างรังวัดออกไปรังวัดตรวจสอบเขตที่ดินให้ถูกต้อง แต่ก่อนการขอรังวัดต้องใช้เวลารอคิว           นานมากๆจนเป็นบ่อเกิดของการอนุญาตให้มีบริษัทเอกชนมารับจ้างทำการรังวัดเพื่อให้เร็วขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงกว่ารัฐหลายเท่าตัว

ปัจจุบันมีเครื่องมือมาช่วยการรังวัดให้เร็วขึ้น กรมที่ดินจึงสามารถแก้ปัญหาการรังวัดเข้าคิวให้เสร็จภายในไม่เกิน 30 วัน หรือบางแห่งอาจเพียงแค่15 วัน เท่านั้น 

เมื่อมาดูกรรมวิธีการรังวัด จะเห็นว่า เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของที่ดินเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่เจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นเพียงตัวประกอบ ทั้งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนต่อกันในการรักษาสิทธิของที่ดินของตน

เมื่อเจ้าของที่ดินยื่นเรื่องขอรังวัด จนท.ออกใบรับกำหนดวันนัด ส่งจม.แจ้งวันนัดให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงทราบ โดยไม่มีการสอบถามวันนัดว่าเจ้าของที่ดินข้างเคียงจะสะดวกในวันนัดหรือไม่ 

หากไม่สะดวก ไม่ได้มา สิทธิในการรักษาดูแลที่ดินตนจะเกิดปัญหาเมื่อต้องยื่นเรื่องขอคัดค้านการรังวัดในวันที่ตนไม่ได้มา (ถ้าตรวจพบว่ามีการปักหมุดเกินเข้ามาในที่ดิน) การรังวัดครั้งนั้นก็จะสดุดหยุดลง ต้องเรียกสองฝ่ายมาเจรจา หากเจรจาไม่ได้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ต้องไปร้องต่อศาล 

ทำไมกรมที่ดินจึงต้องออกระเบียบนี้มาสร้างปัญหาให้เจ้าของที่ดินข้างเคียง เพียงเพราะต้องการอำนวยความสะดวกรับนัดกำหนดนัดให้เฉพาะฝ่ายเจ้าของที่ดินที่มายื่นขอฝ่ายเดียวเพื่อกรมที่ดินรับประโยชน์เป็นเงินค่าธรรมเนียมการรังวัด

โดยไม่ได้คำนึงถึงเจ้าของที่ดินข้างเคียงที่อาจติดธุระหรือหาเงินในการเดินทางมาร่วมตรวจชี้แนวเขต 

ทำไมจึงไม่ออกระเบียบก่อนการกำหนดเข้ารังวัด ควรจะต้องนัดหมายให้ทราบทุกฝ่ายพร้อมกัน เห็นดีตกลงใจพร้อมกันไปในวันนัด 

กลับใช้เพียงเจ้าหน้าที่รังวัดกับเจ้าของที่ดิน รับนัดกันเอง กำหนดนัดกันเองตามสะดวก แล้วค่อยมีหนังสือ “สั่งการ”ให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงไปตรวจชี้แนวเขตที่ดินในวันที่เขาทั้งสองฝ่ายนัดกันโดยไม่อินังขังขอบว่าเจ้าของที่ดินข้างเคียงจะสะดวกเดินทางมาหรือไม่

จากนั้นก็สุ่มวัดกันเองชี้กันเอง เรียบร้อย เจ้าของที่ดินข้างเคียงมาตรวจดูอ้าวเกินเข้ามาในที่ดินฉันได้ไง ก็ต้องทำเรื่องคัดค้าน วิ่งเสียเวลาไปติดต่อสำนักงานที่ดินนั้น ให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นความต่อๆกันมา 

กรณีอย่างนี้เป็นการสร้างปัญหาให้กับเจ้าของที่ดินข้างเคียง แต่เป็นการอำนวยความสะดวกให้เจ้าของที่ดิน และกรมที่ดินได้รับค่าธรรมเนียมขอรังวัด

เป็นการออกระเบียบปฎิบัติที่เอาแต่ได้ เอาแต่คิดฝ่ายเดียวของกรมที่ดิน โดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของที่ดินข้างเคียงที่เขาต้องรักษาสิทธิแต่มาถูกจำกัดด้วยการกำหนดนัดกันเพียงสองฝ่ายโดยไม่ถามความสะดวกความพร้อมของเจ้าของที่ดินข้างเคียงแต่อย่างใด

เป็นการปฎิบัติที่สมควรหรือไม่  หากจะคิดถึงแต่ประโยชน์ที่กรมที่ดินจะได้กับความต้องการของเจ้าของที่ดินเท่านั้น

เหตุการณ์นี้ปรากฎอีกครั้งที่สำนักงานที่ดินมะขาม จันทบุรี  เมื่อกำหนดนัดแค่สองฝ่าย ขณะที่ฝ่ายเจ้าของที่ดินข้างเคียงทราบกระทันหันพร้อมทำหนังสือแจ้งว่าไม่สะดวกมาชี้แนว แต่สำนักงานที่ดินมะขามก็ยังมารังวัดในที่ดินที่หญ้าท่วมหัว ยากต่อการเข้าไปรังวัด 

และปักหลักรุกเข้าไปในที่ดินเจ้าของข้างเคียงจริงๆ ทั้งๆที่ปกติจะต้องแจ้งให้เจ้าของที่ดินทำการเคลียร์พท.ให้เรียบร้อย ก่อนการรังวัด 

นอกจากนี้ในการรังวัดแปลงข้างเคียงอื่นๆ ที่ดินมีแต่ลดกันไปแปลงละ10วา แต่ที่ดินแปลงนี้กลับได้ที่ดินเกินมา นั่นหมายถึงแปลงที่ดินที่รังวัดขาดหาย ได้แต่แปลงนี้ได้ที่ดินเกินมา ทั้งที่หญ้าสูงท่วมหัว 

จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของที่ดินข้างเคียงฃึ่งไม่ได้มีประโยชน์ร่วมในการรังวัดนี้ ต้องมาเสียเวลา เสียค่าเดินทาง และอาจจะเสียค่าฟ้องร้อง เป็นคดีความ

เพราะระเบียบปฎิบัติของกรมที่ดิน ดังที่กล่าว จึงน่าจะพิจารณาว่า การกำหนดวันรังวัดควรที่จะได้สอบถามไปยังเจ้าของที่ดินข้างเคียง ด้วยว่า สะดวกจะมาหรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นการรอนสิทธิของเขาไปโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง เท่านั้น 

น่าที่กรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทยจะได้หยิบยกเอาไปพิจารณาโลก4.0