สังคมการเมือง ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2559 *** ว่ากันด้วยเรื่องวัดธรรมกาย จะจับพระด้วยข้อหารับของโจร ตีข่าวกระพือปีกจะเข้าจับกุมวันนั้นวันนี้ มีใครที่ไหนบ้างจะจับแล้วตะโกนบอกให้คนร้ายรู้ นอกจากพวกคิดตีกินเท่านั้น***ไม่ต้องเป็นลูกศิษย์วัดธรรมกายก็น่าจะคิดเป็น ประธานสหกรณ์คลองจั่นขนเงินมาทำบุญกับเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย พอประธานโดนจับ ตร.ติดตามของโจรเป็นเงินเท่านั้นเท่านี้ เรียกคืนบุญจากวัดธรรมกาย ลูกศิษย์จึงรวมตัวจ่ายคืนให้สหกรณ์คลองจั่น หมดสิ้นแล้ว จนผู้บริหารสหกรณ์กล่าวกันว่า ได้รับเงินแล้วคดีแพ่ง อาญา เพิกถอนแล้ว ไฉนข้าราชการรัฐไม่หยุด เมื่อไม่มีเจ้าทุกข์ ก็ริจะเป็นเจ้าทุกข์เสียเอง ***ใครรู้ใครเห็นก็คิดเยี่ยงนี้ บางคนตรงข้ามแม้ไม่ชอบวัดธรรมกายก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า รัฐใช้อำนาจรัฐรังแกปชช. สมควรที่ปชช.จะสู้ร้องหาความเป็นธรรมละ ***ยิ่งสมัยนี้ความเป็นธรรมมันค่อนข้างจะหายาก แค่มองหน้า อัยการบางคนยังหาเรื่องกล่าวร้าย จนผู้ยิ่งหญ่าย(ใหญ่)ต้องออกมาบอกว่า อาการอย่างนั้นถือว่าละเมิดอำนาจผู้ยิ่งหญ่ายขำจริงๆให้ดิ้นตาย***ชายอกสามศอกอย่างอัยการมีหรือจะกลัว แต่ถ้ากลัวได้ขนาดถูกหญิงคนหนึ่งมองหน้าจ้องตาเดินประกบแล้วต้องร้องขอความปลอดภัย ก็อย่าเป็นเลยอัยการ เพราะตัวเองยังประกาศว่าเป็นอัยการต้องไม่กลัวอำนาจมืดแล้วแค่นี้กลัวทำไม ชักงงหวะ***ทำอะไรทำเถิดอย่าเปิดผ้า ทำไรไม่ว่าผ้าอย่าเปิด คดีที่ตั้งข้อหาปชช. ด้วยการใช้ก.ม ข้อใดข้อหนึ่งยกมากล่าวร้ายผู้อื่นทำผิดแม้ไม่ผิดต้องไปพิสูจน์ข้อกล่าวหา ข้าราชการแบบนี้ไม่สมควรเป็นข้าราชการของพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะข้าราชการที่มีหน้าที่ตัดสินคดีความยิ่งต้องมีจริยธรรมสูงกว่าคนปกติทั่วไป แต่ทุกวันนี้ถามจริงใครตรวจสอบ *** ช่างน่าละอายนักที่การตรวจสอบกระทำการโดยพวกเดียวกันจึงไม่ปรากฎพบคนผิดเอามาลงโทษได้นอกจากคำว่า”ไม่มีมูลดังที่ร้องเรียน” แล้วปชช.จะหาที่พึ่งได้ที่ไหนถ้าไม่ใช่พระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงทศพิธราชธรรม***ก็น่าขำที่นักก.มชื่อดังออกมาบอกว่าการจะถวายฎีกาถึงพระเจ้าอยู่หัวได้ต้องมีกฎหมายรองรับ สมัยโบราณปชช.จะร้องทุกข์สามารถตีระฆังได้แต่ปัจจุบันกลับล้าหลังการร้องทุกข์ถวายฎีกาถึงพระเจ้าอยู่หัวถูกปิดกั้น โดยเฉพาะศาลยุติธรรมออกบังคับห้ามปชช.ที่คดีสิ้นสุดแล้วห้ามถวายฎีกา ในมาตรา23แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ถือเป็นการล่วงพระราชอำนาจอย่างยิ่ง***พบกันใหม่สัปดาห์หน้า

นกกระจิบ